Wednesday, January 31, 2007

บทที่ 1

บทที่ 1
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของโครงการ

ในยุคปัจจุบันนี้งานศิลปะถือได้ว่ามีความน่าสนใจ และหลากหลายมากเพราะปัจจุบันมีผู้คนได้หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับงานศิลปะมากขึ้น เพราะถือได้ว่า งานศิลปะไม่ว่าจะเป็นแขนงใด ก็ล้วนแล้วแต่สามารถให้ความเพลิดเพลิน ให้ความรู้แก่ผู้คนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงาน ประติมากรรม ( Sculture ) ซึ่งหมายถึง กิจกรรมสร้างสรรค์ในลักษณะของการปั้น แกะสลักและรวมไปถึงการปะติดปะต่อ การเชื่อม การหล่อ ฯลฯ โดยวัสดุนานาชนิด เช่น กระดาษ ดิน ไม้ แป้ง ปูน ขี้เลื่อย เทียน เป็นต้น งานประติมากรรมเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ผู้คนไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ เมื่อพบเจอแล้วจะต้องให้แง่คิดเกี่ยวกับงานชิ้นนั้นอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันไปตามมุมมองของแต่ละคน

ซึ่งโดยทั่วไป เด็กมักจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อดมต่างๆรอบตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญที่จะช่วยในการพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ ดังนั้นในเมื่อเด็กไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ลัทธิ
ทางการเมืองหรือชนชั้นใดๆ เมื่อได้ศึกษาเกี่ยวกับงานประติมากรรมและได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นของเด็กที่มีต่องานประติมากรรมชิ้นนั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้าน ความคิด อารมณ์ หรือแม้กระ
ทั่งสติปัญญาของเด็กเองก็จะได้เติบโต มีทักษะและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เด็กเกิดทักษะในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากนี้คุณค่าที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ กิจกรรมในงาน ศิลปะมีบทบาทในการช่วยบำบัด อาการทางจิตของเด็กในรายที่มีปัญหา อาทิ เด็กมีพฤติกรรม ก้าวร้าว รุนแรง เคียดแค้น ชิงชัง อิจฉาริษยา หรือมีความรู้สึกผิดหวัง เศร้าซึม และขลาดอาย ฯลฯ ซึ่งปัญหาทางจิตนี้ บางทีมักจะมีการปกปิด ซ่อนเร้น เอาไว้ในใจบางรายเก็บเอาไว้นานๆจนเกิดสะสมเป็นปัญหาซับซ้อนแต่เมื่อมีโอกาสได้แสดง
ออกในทางศิลปะ เด็กก็จะรู้สึกผ่อนคลาย และเกิดความสบายใจ ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความสมดุลทางอารมณ์
และผลงานศิลปะที่แสดงออกมานั้น ยังเป็นประโยชน์แก่นักจิตวิทยา เพื่อใช้อานทำนายวิเคราะห์ สภาพปัญหา
ทางจิตอีกด้วย

ดังนั้นจะเห็นได้ว่านอกจากงานประติมากรรมที่เด็กได้พบเห็นจะเป็นแค่สิ่งสวยงามแล้ว แต่งาน
ประติมากรรมยังเปรียบเสมือนเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ของเด็ก สามารถฝึกเด็กให้เกิดการใช้ ความคิดสร้างสรรค์ และ ความรู้สีกตามจินตนาการที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในมาเป็นรูปธรรมได้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้
มาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันได้อีกเช่นเดียวกัน

สมมุติฐานและแรงบันดาลใจ

สำหรับในส่วนของการสร้างงานประติมากรรมขึ้นมา วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เด็กได้รู้จักใช้ความคิดตามจินตนาการของตัวเอง เพื่อให้เด็กมีความคิดที่สร้างสรรค์และมีจินตนาการที่กว้างขึ้น

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้เด็กรู้จักการคิด และการใช้อารมณ์ตามจินตนาการของตัวเองที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในออกมาเป็นรูปธรรมได้
2. เพื่อให้เด็กมีความกล้าแสดงออก ในการบอกความรู้สึกที่มีต่องานประติมากรรม
3. เพื่อให้เด็กมองเห็นสิ่งที่เป็นตัวตนจับต้องพิสูจน์เห็นจริงได้
4. เพื่อช่วยให้เด็กได้พบความจริงอย่างมีเหตุผล

ขอบเขตของโครงการ

แนวความคิด ( Concept ) ในการสร้างงานประติมากรรม ศิลปินได้คำนึงถึงความเหมาะสมระหว่างสถานที่กับบุคคลเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้เด็กได้ฝึกใช้ความคิดและอารมณ์ตามความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งถือเป็นการฝึกทักษะด้านนี้โดยตรง ฉะนั้นการสร้างงานประติมากรรม จึงเลือกวัสดุที่เหมาะสมในการสร้าง ฉะนั้นแนวการจัดทำจึงขอเสนอขอบเขตในการทำงานดังนี้
1. ศึกษาข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. การศึกษาจากตัวอย่างกรณีศึกษา( CASE STUDY )
3. IDEA SKETCH
4. STUDY MODEL
5. CONCEPT SKETCH
6. WORKING DRAWING

ประโยชน์ที่ได้รับ

1. สามารถแปลงความคิดจินตนาการที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ออกมาเป็นรูปธรรมได้
2. ตอบสนองต่อการอยากรู้ อยากเห็น และอยากสัมผัสจับต้องของเด็กได้เป็นอย่างดี เช่น การบีบ ขยำ ลูบคลำ กด ดึง ทุบ
3. ฝึกให้เด็กรู้จักคิดเป็น ทำเป็น และสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง
4. เพื่อให้เด็กได้มีจินตนาการที่กว้างขวางขึ้น

Friday, January 26, 2007

แนะนำตัว

นาย ศิปกรณ์ ศรวิเศษ เอกศิลปศึกษา คบ.24(4)/4